No Widgets found in the Sidebar
โฟล์คลิฟท์

                ขึ้นชื่อว่าโฟล์คลิฟท์ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานที่ต้องมีความปลอดภัยสูง ไม่ว่าคุณกำลังจะเลือกซื้อรถใหม่มือหนึ่งหรือมือสอง ก็ต้องมีความละเอียดรอบคอบในการเลือกซื้อกันสักนิด ยิ่งเป็นโฟล์คลิฟท์มือสองที่แม้จะมีราคาถูกกว่ามือหนึ่งถึง 50% ยิ่งต้องใช้ความรอบคอบมากขึ้นกว่ารถยนต์โดยสารทั่วไป เนื่องจากรถยกทุกประเภทถือเป็นเครื่องจักรหนักที่มีกลไกควบคุมการทำงานมากมาย ผู้ซื้อจะต้องมีความรู้ในการตรวจสอบสภาพรถ หรือไม่ก็ควรนำช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไปช่วยตรวจสภาพรถด้วย เพื่อให้ได้ของดีราคาถูกและใช้งานได้อีกยาวนาน และเพื่อป้องกันความผิดพลาดเรามีเทคนิคการตรวจสภาพรถก่อนเซ็นรับรถมาฝากดังต่อไปนี้

เทคนิคตรวจสอบสภาพโฟล์คลิฟท์ เพื่อคุณภาพและมีความปลอดภัย

                ความสำคัญของการหาซื้อรถโฟล์คลิฟท์ไม่ใช่การหาผู้จำหน่ายที่ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเราสามารถเปรียบเทียบผู้จำหน่ายแต่ละรายเพื่อหาเงื่อนไขและราคาที่ดีที่สุดได้ง่าย ดังนั้นความยากจึงอยู่ที่การตรวจสอบสภาพรถ ที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญ และต่อไปนี้คือวิธีการตรวจสอบสภาพรถเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้เป็นเจ้าของรถสภาพดีพร้อมใช้งาน

1. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของงา

                งาของรถเป็นส่วนที่มีความสำคัญในการทำงาน เพราะเป็นส่วนที่ต้องใช้ตักสินค้าเพื่อจัดวางในตำแหน่งที่ต้องการความสมบูรณ์ของงาจึงเป็นเรื่องแรกที่ควรตรวจสอบ หากพบว่างามีรอยแตก มีการบิดโค้ง หรือมีรอยที่แสดงว่าเริ่มมีการสึกหรอควรเปลี่ยนไปพิจารณาคันอื่นทันที แต่ถ้าหากงานั้น ๆ ไม่มีร่องรอยใด ๆ สภาพะงามีความสมบูรณ์ และยิ่งงานั้น ๆ มีการหุ้มปลายด้วยเหล็กที่ค่อนข้างหนา แสดงว่ารถคันนั้นสามารถใช้ตักสินค้าได้อีกนาน

2. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของโซ่

                โซ่ที่กล่าวถึงนี้คือโซ่ที่อยู่ติดกับเสา เมื่อยกงาขึ้นจะมองเห็นการทำงานของโซ่ได้อย่างชัดเจน สภาพของโซ่ที่ดีไม่ควรมีร่องรอยการสึกหรอ หรือร่องรอยการเชื่อมต่อใด ๆ โซ่จะต้องเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวลในความเร็วที่เท่ากัน หมุดที่ใช้เชื่อมต่อโซ่แต่ละข้อจะต้องอยู่ครบ ไม่หายหรือมีสิ่งอื่นมาใส่แทน

3. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของเสา

                เสาของโฟล์คลิฟท์มีความสำคัญในการกำหนดความสูงของการยกงาขึ้น นอกจากกำหนดความสูงแล้ว เสายังทำหน้าที่เป็นแกนสำหรับสร้างความสมดุลในการโหลดสินค้า เสาจึงเป็นชิ้นส่วนที่มีความแข็งแรงที่สุดในส่วนหน้าของรถ นั่นหมายความว่าสภาพของเสาจะต้องไม่มีร่องรอยการต่อเชื่อม หรือร่องรอยการสึกหรอ เพราะการชำรุดเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้สินค้าตกลงมาเสียหายได้

4. ทดสอบการทำงานของเสา

                เมื่อมองด้วยสายตาเห็นว่าเสาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไร้รอยต่อเชื่อมแล้ว ให้พนักงานขายลองยกงาในสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อดูการต่อเสา ว่าเสาท่อนที่ 2 และ 3 ยกขึ้นอย่างราบรื่นไร้การติดขัดหรือไม่ หากพบว่ามีการติดขัดในจังหวะที่ต่อเสา แสดงว่าลูกปืนของเสามีปัญหา หากเป็นรถมือสองแสดงว่าลูกปืนไม่ได้อยู่ในสภาพทรงกลม แต่เป็นวงรีเพราะขาดการดูแลเติมสารหล่อลื่น ทำให้การทำงานของเสามีอาการสะดุด หากนำไปใช้ยกสินค้าที่มีน้ำหนักมาก ในจุดที่ต่อเสาท่อนใหม่อาการติดขัดอาจทำให้สินค้าตกลงมาเสียหายได้

5. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของยาง

                ล้อยางของโฟล์คลิฟท์จะมีตัวอักษรที่ระบุรุ่นและยี่ห้อของยางอยู่ ซึ่งตัวอักษรเหล่านี้ไม่ได้ใช้เพียงระบุยี่ห้อเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นแนวการสึกหรอ นั่นหมายความว่าถ้าหน้ายางสึกมาจนถึงตัวอักษรแล้วแปลว่ายางหมดประสิทธิภาพการทำงาน ควรให้ทางผู้จำหน่ายเปลี่ยนยางให้ใหม่ หากเป็นรถใหม่ปีที่ผลิตของยางก็ควรจะไม่เก่าเกินไป

6. ตรวจสอบความปลอดภัย

                เพื่อความปลอดภัยของพนักงานผู้ขับขี่ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบแตร ไฟ เบรก และคันโยกต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถมีเข็มขัดนิรภัย ที่นั่งสามารถปรับให้รับกับสรีระของผู้ขับขี่ได้ และเมื่อเงยหน้ามองหลังคารถแล้วจะต้องไม่มีความเสียหาย หรือร่องรอยการสึกหรอ เพราะหลังคารถคือสิ่งที่ปกป้องศีรษะของผู้ขับขี่ให้มีความปลอดภัย

                ดังที่กล่าวมานี้จึงพอจะสรุปได้ว่าการหาซื้อโฟล์คลิฟท์ทั้งมือหนึ่งและมือสองนั้นไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากคือการตรวจสอบความสมบูรณ์ของรถ เพราะนอกเหนือจากที่กล่าวมานี้จะเป็นส่วนของการตรวจสอบเครื่องยนต์ กระบอกสูบ และการทำงานของแบตเตอรี่ ซึ่งควรจะอาศัยความชำนาญของช่างที่พาไปด้วยเพื่อให้ได้รถที่ดี มีอายุการใช้งานยาวนาน ดูแลรักษาง่าย และมีราคาที่ประทับใจ